ผ้ากาสาวพัสตร์ ธงชัยแห่งพระอริยสงฆ์

"ผ้ากาสาวพัสตร์ ธงชัยแห่งพระอริยสงฆ์"

จีวร ถือว่าเป็นธงชัย หรือเครื่องหมายของพระอรหันต์
มีหลักฐานปรากฏในพระคัมภีร์อุบาลีเถราปทานว่า

""บุคคลเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ที่ (แม้) เปื้อนอุจจาระที่ถูกทิ้งไว้ตามถนนหนทาง ก็ควรประนมมือไหว้ผ้านั้น อันเป็นธงชัยของพระอริยเจ้า ด้วยเศียรเกล้า""
ในฉัททันตชาดก ติงสนิบาต กล่าวว่า ""พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาช้างฉัททันต์
กำลังจะเดินตรงเข้าไปทำร้ายนายพรานป่าใจบาป ผู้คิดจะฆ่าตน แต่พอมองเห็นจีวรที่นายพรานชูให้เห็นกลับคิดได้ว่า
ผู้มีธงชัยหรือเครื่องหมายแห่งพระอรหันต์ ไม่ควรถูกฆ่า จึงไม่ได้ทำร้าย และให้อภัยแก่นายพรานปล่อยให้รอดไป...""
... ธงชัยพระอรหันต์ หมายถึง ผ้ากาสาวพัสตร์ ซึ่งมีสีน้ำฝาด เป็นคำเรียกผ้านุ่งห่มของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายซึ่งผ้านี้ได้มาจากผ้าบังสุกุล เป็นเครื่องหมายแห่งนักบวช เป็นเครื่องนุ่งห่มของผู้หมดกิเลสแล้ว ผู้คนให้ความเคารพนับถือ ถือเป็นของสูง ไม่กล้ำกราย ดูถูกเหยียดหยาม เห็นแล้วก็นบไหว้ด้วยถือว่าเป็นบุญ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ให้ความยำเกรง มิกล้าทำร้ายโจรผู้หุ้มห่อผ้านี้อยู่
พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสงฆ์สาวกใช้สอยตามพระองค์ได้ ทำให้พระสงฆ์สาวกมีศักดิ์ศรีและมีความสำคัญขึ้น เพราะเป็นบุญวาสนาได้นุ่งห่มผ้าที่เป็นธงชัยพระอรหันต์ "






ธรรมคีตะ ศิลปะแห่งการดับทุกข์


ธรรมคีตะ ศิลปะแห่งการดับทุกข์ 





อริยมรรคมีองค์ ๘


คำว่า มรรค แปลว่า ทาง ในที่นี้หมายถึง ทางเดินของใจ เป็นการเดินออกจากความทุกข์ ไปสู่ความเป็นอิสระหลุดพ้นจากทุกข์ซึ่งมนุษย์และเวไนยสัตว์ทั้งหลายหลงยึดถือ และประกอบขึ้นใส่ตนด้วยอำนาจของอวิชา คือ ความไม่รู้ ซึ่งอริยมรรคมีองค์ ๘ หนทางดำเนินไปที่ประกอบพร้อมเพรียงกันเกี่ยวพันกันทุกข้อ ซึ่งย่อลงมาก็คือ สติปัฏฐาน ๔ หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ประกอบด้วย
  • ๑.  สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ
  • ๒.  สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ
  • ๓.  สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ
  • ๔.  สัมมากัมมันตะ คือ ทำการงานชอบ
  • ๕.  สัมมาอาชีวะ คือ เลี้ยงชีพชอบ
  • ๖.  สัมมาวายามะ คือ มีความเพียรชอบ
  • ๗.  สัมมาสติ คือ ระลึกชอบ
  • ๘.  สัมมาสมาธิ คือ ตั้งใจชอบ


อิทธิบาท ๔ เครื่องแห่งความสำเร็จ

อิทธิบาท ๔  คุณเครื่องให้ถึงความสำเร็จ, คุณเครื่องสำเร็จประสงค์, ทางแห่งความสำเร็จ, หรือบาทฐานแห่งอิทธิหรือความสำเร็จด้วยดี  อันมี ๔ ประกอบด้วย

 ๑. ฉันทะ ความพอใจ ความรักใคร่ ความยินดีในสิ่งนั้น  เป็นความหมายในทางกุศล ที่หมายถึง ความรักงาน ความรักในกิจที่ทำ         
๒. วิริยะ ความพากเพียร ความพยายามในสิ่งนั้น         
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ ความฝักใฝ่ ความสนใจในสิ่งนั้น         
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องการพิจารณาหาเหตุหาผลในสิ่งนั้น

         ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องสัมพันธ์กัน  และแต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน  เป็นเหตุเป็นผลเกื้อหนุนกัน  กล่าวคือ เมื่อมี ฉันทะ ความยินดีความรักในกิจหรืองานที่กระทำา ย่อมทำให้เกิด วิริยะ ความเพียรความพยายามในกิจหรืองานนั้น   เมื่อมีความเพียรเกิดขึ้น จึงย่อมต้องเกิด จิตตะ ความฝักใฝ่ ความสนใจหรือเอาใจใส่ต่อสิ่งนั้น  เมื่อฝีกใฝ่ใส่ใจย่อม วิมังสา สอดส่องหรือพิจารณาในสิ่งนั้นอย่างหาเหตุหาผลหรือกอปด้วยปัญญานั่นเอง  อิทธิบาทจึงเป็นคุณอันวิเศษที่เกื้อหนุนให้ประสบความสำเร็จในกิจหรืองานต่างๆ  พระองค์ท่านจึงตรัสว่า เป็นบาทฐานเครื่องแห่งความสำเร็จ

ขอขอบคุณ : www.nkgen.com/766.htm

สังคหวัตถุ 4


สังคหวัตถุ 4

หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น ผูกไมตรี เอื้อเฟื้อ เกื้อกูล


1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ หรือการเอื้อเฟื้อแบ่งปันของๆตนเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่เห็นแก่ตัวของที่เราหามาได้ มิใช่สิ่งจีรังยั่งยืน เมื่อเราสิ้นชีวิตไปแล้วก็ไม่สามารถจะนำติดตัวเอาไปได้

2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน พูดด้วยความจริงใจ ไม่พูดหยาบคายก้าวร้าว พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์เหมาะสำหรับกาลเทศะ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการพูดเป็นอย่างยิ่ง

3. อัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ทุกชนิดหรือการประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น

4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ หรือมีความประพฤติเสมอต้นเสมอปลาย



                  พระธรรมกิตติวงศ์






พัฒนาจิตให้งอกงาม


พัฒนาจิตให้งอกงาม

ภาวนา แปลว่า ทำให้เกิดให้มีขึ้น ทำให้เป็นขึ้น สิ่งที่ทำให้เป็นก็ทำให้เป็น สิ่งที่ยังไม่มีก็ทำให้มีขึ้น
เรียกว่า ภาวนา เพราะฉะนั้นจึงเป็นการปฎิบัติฝึกหัด หรือลงมือทำ
ภาวนาจึงแปลอีกความหมายหนึ่งว่า การฝึกอบรม

ฝึกนั้น เมื่อยังไม่เป็นก็ทำให้มันเป็น อบรมนั้น เมื่อยังไม่มีก็ทำให้มีขึ้นยิ่งกว่านั้น เมื่อทำให้เกิดให้มี
ให้เป็นขึ้นมาแล้ว ก็ต้องทำให้เจริญงอกงามเพิ่มพูนพรั่งพร้อมขึ้นไปด้วยจนเต็มที่

ภาวนจึงมีความหมายตรงคำว่า " พัฒนา " ด้วย และจึงแปลง่ายๆ ว่า " เจริญ " 

ในภาษาไทยแต่โบราณมาก็นิยมแปลภาวนาว่าเจริญ เช่น เจริญสมาธิเรียกว่า " สมาธิภาวนา " 
เจริญเมตตาเรียกว่า " เมตตาภาวนา " เจริญวิปัสสนาเรียกว่า " วิปัสสนาภาวนา "

ตกลงว่า ภาวนาแปลว่าการฝึกอบรม หรือการเจริญ หรือการทำให้เป็นให้มีขึ้นมา และพัฒนางอกงามบริบูรณ์

จากหนังสือ แผนที่ชีวิต โดย พระพรหมคุณาภรณ์


ใส่บาตร ถือศีล กินเจ
ช่วยผู้อื่น ทำความสะอาดห้องพระ 
ถวายน้ำเปล่า ๑ แก้วที่หิ้งพระ ถวายเทียน
ถวายสังฆทาน ฝังลูกนิมิต สวดมนต์ กราบพ่อแม่
ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ทำบุญวันเกิด ดูแลคนแก่ เด็ก ฯลฯ 

ทั้งหมดนี้ เป็นมหากุศลทั้งสิ้น 



www.facebook.com/สงสัยมั้ยธรรมะ

บทกรวดน้ำ (ไม่ต้องใช้น้ำจริง เราจะใช้น้ำจริงตอนที่เราถวายของที่พระสงฆ์ฉันได้ )

บทกรวดน้ำ


“ พระจัตตุโลก พระยมกทั้งสี่ (อ่านว่าพระ ยะ-มก) ขอส่งน้ำอุทิศนี้ เข้าไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็นที่ประชุมการใหญ่ ของแม่พระธรณี ขอให้แม่พระธรณี จงมาเป็นทิพย์ญาณ เป็นผู้ว่าการในโลกอุดร ขอให้แม่พระธรณีจงนำเอากุศลผลบุญของข้าพเจ้า ที่ได้กระทำในวันนี้ นำส่งให้แก่ข้าพเจ้า ในกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้แก่สรรพสัตว์ที่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ และขอถวายเป็นปฏิบัติบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยเจ้า พระอริยสงฆ์ และพระปัจเจกโพธิเจ้า พระอรหันตเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ บิดา มารดา ตระกูลพ่อ ตระกูลแม่ ตระกูลพี่ กระกูลน้อง ตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย จงนำและได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำในครั้งนี้ ขอให้บุคคลที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ทั้งในภพนี้และในภพที่เคยผ่านมา จงได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำ เมื่อได้รับอานิสงส์แล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้แก่ข้าพเจ้าพร้อมทั้งครอบครัวข้าพเจ้า ทั้งตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ตระกูลพี่ ตระกูลน้อง
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พระราชาพระมหากษัตริย์ เศรษฐี มหาเศรษฐี ที่สืบสานพระศาสนาตั้งแต่พุทธกาลจนถึงปัจจุบัน มีพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าอโศกมหาราช พระราชามหากษัตริย์ไทย มีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และวีรกษัตริย์ทุกๆ พระองค์ อันได้แก่ สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา เป็นต้น
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ จตุสดมภ์ทั้ง 4 ขุนเวียง ขุนวัง ขุนคลัง ขุนนา ท่านแม่ทัพนายกอง หัวหมู่ ขุนพล ทหารหาญทั้งหลาย ข้าทาสบริวาร ครูหมัด ครูมวย ครูหอก ครูดาบ ครูศาสตราวุธ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทุกกรมกอง
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระแม่ธรณี แม่พระคงคามหาสมุทร แม่พระโพสพ แม่พระเพลิง แม่พระพาย เจ้าทะเล เจ้าบาดาล เจ้าพิภพ
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้สุริยจักรวาล มีพระอาทิตย์ พระจันทร์
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัตตะโลหะ นวโลหะ รัตนชาติ แร่ธาตุทั้งหลาย ช้างศึก ม้าศึก ช้างเสบียง ม้าเสบียงทั้งหลาย วัว ควายทั้งหลาย หมูเห็ด เป็ดไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้งสัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั้งหลาย สัตว์ปีกทั้งหลาย สัตว์ปีนป่ายทั้งหลาย สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย สัตว์ในไข่ทั้งหลาย สัตว์ในครรภ์ทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าเข่นฆ่าก็ดี บริโภคก็ดี อยู่ในเนื้อ อยู่ในหนัง อยู่ในกระดูก อยู่ในตับ ไต ไส้พุง อยู่ในทั้งหมดอาการ 32 ของตัวข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัมมาอาชีพและปัจจัยสี่ของข้าพเจ้าที่ได้มีกินมีใช้ ขอให้สัมมาอาชีพจจงได้รับอานิสงส์ผลบุญนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พยัญชนะ ตัวอักษรทุกภาษาในโลกนี้ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด จงมีส่วนในบุญของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ทรัพย์ของแผ่นดิน ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ดวงจิตดวงวิญญาณ ทั้งหลายที่เคยจะเกิดมาเป็นลูกเป็นหลานแล้วไม่เกิด จงได้รับในบุญกุศล และจงเว้นจากการจองเวร
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ดวงจิตของข้าพเจ้าที่เคยตกหล่นเป็นกรรมอยู่ในนรกภูมิที่อยู่ทุก ๆ ขุมนรกจงหลุดพ้นจากอุปกรรม วิบากกรรม เคราะห์กรรม ด้วยกุศลในครั้งนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ เชื้อโรคเชื้อรา เชื้อร้าย เชื้อมะเร็งทั้งหลาย เชื้อไวรัสทั้งหลาย เชื้อโรคทั้งหลาย จงมีส่วนได้รับในบุญกุศลนี้ และโรคร้ายทั้งหลายขออย่าพึงมี อย่าได้เกิดกับลูกหลานข้าพเจ้า จงหยุดที่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ตั้งแต่นรกภูมิ อบายภูมิ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย อสูรกายทั้งหลาย ทั้ง  16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน นรกทุกชั้น นรกทุกขุม ทุกภูมิ สัมภเวสีทั้งหลาย ทั้งที่เป็นญาติ และไม่ใช่ญาติ ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ที่รู้จักก็ดี ที่ไม่รู้จักก็ดี ที่เอ่ยถึงก็ดี ไม่เอ่ยถึงก็ดี ที่ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ทั้งที่มีกาย และไม่มีกายทั้งที่มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม่มีธาตุ จงรับเอาส่วนกุสลที่ได้กระทำในครั้งนี้
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระอินทร์ พระพรหม พระยายม พระยายักษ์ พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อเจตคุป เจ้าพ่อหอกลอง ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวทศรถ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พญาครุฑ พญานาค พญาอนันตนาคราช พญางู พญาเงือก พญาหนุมาน พญาเสือ พญาสิงห์ พญาเต่า พญาจระเข้ พญาปลาไหล พญาตะขาบ พญาแมงป่อง ปู่ฤาษีทั้ง 108 พระองค์ ปู่อินตา ครูยา หมอยา เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าที่ที่บ้าน เจ้าที่ที่ทำงาน รุกขเทวดา นางไม้ทั้งหลาย
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ธนบัตร ทุกสกุลเงินตรา ของโลกนี้ที่เป็นทรัพย์ภายนอก จงได้รับในกุศลผลบุญของข้าพเจ้า
กรรมใดก็ดีที่ข้าพเจ้าเคยมีกรรมต่อทรัพย์ของแผ่นดิน คนของแผ่นดิน ทำผิดเป็นถูก ทำถูกเป็นผิด และกรรมใดที่ข้าพเจ้าเคยสร้างกรรมกับผู้ใดไว้ ไม่ว่าอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติไม่ว่ามนุษย์และสัตว์ ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายที่ข้าพเจ้าเคยสร้างเวรสร้างกรรมต่อท่าน จงได้รับอานิสงส์ผลบุญของข้าพเจ้า เมื่อได้รับผลบุญของข้าพเจ้าแล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดเปลื้องกรรม งดเว้นการจองเวรและขอดวงจิตที่เกิดในภพนี้ ชาตินี้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ด้วยกุศลในคราวครั้งนี้ด้วยเทอญ


ขอบคุณบ้านโลกทิพย์ banloktip.com/webboard/index.php?topic=179.0
ภาพ : https://www.pinterest.com/pin/310678074275202213
     

คำสมาทานขอพระกรรมฐาน สวดบทนี้ต่อหลังจากสมาทานศีล แผ่เมตตาแล้ว ก่อนนั่งสมาธิ

คำสมาทานขอพระกรรมฐาน
(สวดบทนี้ต่อเลยหลังจากสมาทานศีลแล้วจึงนั่งสมาธิ)



ข้าพเจ้าขอกราบไหว้บูชาพระพุทโธ พระธรรมโม พระสังโฆ เป็นที่พึ่งที่ระลึกของข้าพเจ้า
( สวด 3 จบ)

บูชาพระ
อุกาสะ อุกาสะ ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา(กรณีที่ท่านไม่มีดอกไม้ธูปเทียนก็ให้ท่านตัดคำว่า “ดอกไม้ธูปเทียนชวาลา”ออกไปครับ)
รูปนามและชีวิต พร้อมไปด้วยการปฏิบัติ ทั้งภายในและภายนอก
ขอบูชาแก่ พระโพธิญาณ พระพุทธัง พระธรรมมัง พระสังฆัง ขอให้พระแม่ธรณีจงมาเป็นทิพยญาณ
ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดน่ะพระเจ้าข้า

อาราธนาพระ
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขออุปจาระวิธี พระอัปปนาระวิถี พระสมาธิโลกุตระ พระธรรมเจ้า ข้าพเจ้าจะขอเข้าในห้องพระขุทกาปิติเจ้า พระขณิกาปิติเจ้า พระโอกันติกาปิติเจ้า พระอุเพ็งคาปิติเจ้า พระผรณาปิติเจ้า อันบังเกิดแก่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกกะพุทธเจ้า  พระอรหันตาเจ้าทั้งหลาย มีฉันท์ใด ๆ ก็ดี ขอพระธรรมเจ้า จงมาบังเกิดให้กว้างขวาง ในขันธ์ทั้ง 5 แห่งข้าพเจ้าในกาลบัดเดี่ยวนี้เถิด

พระพุทธคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
พระธรรมคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ
พระสังฆคุณนัง ข้าพเจ้า จะขอถวายชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิ

วิรัติศีล
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้า จะขอถือสัตย์รับศีลแก่พระโพธิญาณ จะขอรับเอาพระสมาธิมาเป็นธงชัย จะระลึกถึงพระพายมาเป็นอารมณ์ กายอย่างหนึ่ง วาจาอย่างหนึ่ง มะโนอย่างหนึ่ง จะไม่ให้เป็นกรรมแก่สัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยข้าพเจ้าจะไม่นิยมไปด้วยมูตรและคูตสัมผัสถูกต้องรูปเสียงกลิ่นรส โภชนาอาหารน้ำฉันและน้ำชา พระให้พิจารณาเป็นของปฏิกูลเปื่อยเน่าไปทั้งสิ้น เครื่องไม่จีรังนี้ เป็นของพญามัจจุราช ที่ได้หล่อหลอมรูปมาตั้งแต่เอนกชาติรูปนี้แตกดับไป จะขอวางซากอสุภะนี้ไว้เหนือพื้นปฐพี ส่วนนามธรรมของพระนี้ ขอให้แม่พระธรณี จงมาช่วยแบกหาม อุดหนุนค้ำจุน ข้ามส่งองค์พระพาย จะเสด็จเข้าไปในโลกใหญ่ ขอให้เป็นสุขในห้องพระนิพพาน

เสี่ยงพระบารมี
อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้าจะขอเสี่ยงนะพระบารมี ขอให้แม่พระธรณี นำเอาบารมี 30 ทัศน์ ของข้าพเจ้า ข้ามส่งให้ถึงหนทางพระนิพพาน ที่ทำการของพระในครั้งนี้

ภาพ : www.pinterest.com/pin/279293614364923545

แผ่เมตตาให้ตัวเอง และผู้อื่น



คำแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง
  

อะหัง สุขิโต โหมิ                  ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ              ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากทุกข์
อะหัง อเวโร โหมิ                  ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ          ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความลำบาก
อะหัง อะนีโฆ โหมิ                 ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากอุปสรรค
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ          จงรักษาตนให้มีความสุขตลอดกาลนานเทอญ

คำแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น 
( พอขึ้นสัพเพ สัตตา วิญญาณของสัตว์ที่เรากินไปในแต่ละวันก็จะไปเกิดในทันทีไม่เกาะตามเนื้อตัวเราแล้ว )

สัพเพ สัตตา                  สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ                 จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ          จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ                 จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ    จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ 
(สวด 3 จบ บทนี้ขอให้ปัญญาทางธรรมจงเกิดกับเรา ขาดไม่ได้เช่นกัน)



ขอขอบคุณ : บ้านโลกทิพท์ banloktip.com/webboard/index.php?topic=179.0


ป้ายกำกับ