บทขัด อาฏานาฏิยะปะริตตัง
อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต อะมะนุสเสหิ จัณเฑหิ สะทา กิพพิสะการิภิ ปะริสานัญจะตัสสันนะ- มะหิงสายะ จะ คุตติยา ยันเทเสสิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
บทสวด อาฏานาฏิยะปะริตตัง วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สัก๎ยะปุตตัสสะ สิรีมะโต โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา หิตัง เทวะมะนสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ ( วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติ ) นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มะเหสินัง ตัณหังกะโร มะหาวีโร เมธังกะโร มะหายะโส สะระณังกะโร โลกะหิโต ทีปังกะโร ชุตินธะโร โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข มังคะโล ปุริสาสะโภ สุมะโน สุมะโน ธีโร เรวะโต ระติวัฑฒะโน โสภิโต คุณะสัมปันโน อะโนมะทัสสี ชะนุตตะโม ปะทุโม โลกะปัชโชโต นาระโท วะระสาระถี ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร สุเมโธ อัปปะฏิปุคคะโล สุชาโต สัพพะโลกัคโค ปิยะทัสสี นะราสะโภ อัตถะทัสสี การุณิโก ธัมมะทัสสี ตะโมนุโท สิทธัตโถ อะสะโม โลเก ติสโส จะ วะทะตัง วะโร ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ วิปัสสี จะ อะนูปะโม สิขี สัพพะหิโต สัตถา เวสสะภู สุขะทายะโก กะกุสันโธ สัตถะวาโห โกนาคะมะโน ระณัญชะโห กัสสะโป สิริสัมปันโน โคตะโม สัก๎ยะปุงคะโว ฯ
เอเต จัญเญ จะ สัมพุทธา อะเนกะสะตะโกฏะโย สัพเพ พุทธา อะสะมะสะมา สัพเพ พุทธา มะหิทธิกา สัพเพ ทะสะพะลูเปตา เวสารัชเชหุปาคะตา สัพเพ เต ปะฏิชานันติ อาสะภัณฐานะมุตตะมัง สีหะนาทัง นะทันเต เต ปะริสาสุ วิสาระทา พ๎รัห๎มะจักกัง ปะวัตเตนติ โลเก อัปปะฏิวัตติยัง อุเปตา พุทธะธัมเมหิ อัฏฐาระสะหิ นายะกา ท๎วัตติงสะลักขะณูเปตา - สีต๎ยานุพ๎ยัญชะนาธะรา พ๎ยามัปปะภายะ สุปปะภา สัพเพ เต มุนิกุญชะรา พุทธา สัพพัญญุโน เอเต สัพเพ ขีณาสะวา ชินา มะหัปปะภา มะหะเตชา มะหาปัญญา มะหัพพะลา มะหาการุณิกา ธีรา สัพเพสานัง สุขาวะหา ทีปา นาถา ปะติฏฐา จะ ตาณา เลณา จะ ปาณินัง คะตี พันธู มะหัสสาสา สะระณา จะ หิเตสิโน สะเทวะกัสสะ โลกัสสะ สัพเพ เอเต ปะรายะนา เตสาหัง สิระสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตะเม วะจะสา มะนะสา เจวะ วันทาเมเต ตะถาคะเต สะยะเน อาสะเน ฐาเน คะมะเน จาปิ สัพพะทา สะทา สุเขนะ รักขันตุ พุทธา สันติกะรา ตุวัง เตหิ ต๎วัง รักขิโต สันโต มุตโต สัพพะภะเยนะ จะ สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโต สัพพะเวระมะติกกันโต นิพพุโต จะ ตุวัง ภะวะ ฯ เตสัง สัจเจนะ สีเลนะ ขันติเมตตาพะเลนะ จะ เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ฯ
ปุรัตถิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ ภูตา มะหิทธิกา เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ทักขิณัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ เทวา มะหิทธิกา เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ปัจฉิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ นาคา มะหิทธิกา เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ อุตตะรัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ ยักขา มะหิทธิกา เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ปุริมะทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง จัตตาโร เต มะหาราชา โลกะปาละ ยะสัสสิโน เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลัง ฯ ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ ระตะนัง พุทธะสะมัง นัตถิ ตัส๎มา โสตถี ภะวันตุ เต ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ ระตะนัง ธัมมะสะมัง นัตถิ ตัส๎มา โสตถี ภะวันตุ เต ยังกิญจิ ระตะนัง โลเก วิชชะติ วิวิธัง ปุถุ ระตะนัง สังฆะสะมัง นัตถิ ตัส๎มา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ สักกัต๎วา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตะเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เต สักกัต๎วา ธัมมะระตะนัง โอสะถัง อุตตะนัง วะรัง ปะริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เต สักกัต๎วา สังฆะระตะตัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุ เต ฯ สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะ อะภิวาทะนะสีลิสสะนิจจังวุฑฒาปะจายิโน จัตตาโรธัมมาวัฑฒันติอายุวัณโณสุขังพะลังฯ
บทสวด อาฏานาฏิยะปะริตตัง แปล (หันทะ มะยัง อาฏานาฏิยะปะริตตัง ภะณามะ เส)
วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต -ความนอบน้อมจงมี แด่พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีปัญญาจักษุ ผู้ทรงไว้ซึ่งพระสิริ
สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน -ความนอบน้อมจงมี แด่พระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระทัยเอ็นดู ต่อสัตว์ทั้งปวง
เวสสะภุสสะ นะมัตถุ นะหาตะกัสสะ ตะปัสสิโน -ความนอบน้อมจงมี แด่พระเวสสภูสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีกิเลสอันชำระแล้ว ผู้ทรงมีตบะธรรม
นะมัตถุ กะกุสันธัสสะ มาระเสนัปปะมัททิโน -ความนอบน้อมจงมี แด่พระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงย่ำยีเสียได้ ซึ่งมารและเหล่าเสนาทั้งหลาย
โกนาคะมะนัสสะ นะมัตถุ พ๎ราห๎มะณัสสะ วุสีมะโต -ความนอบน้อมจงมี แด่พระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ลอยบาปเสียได้ ผู้ทรงอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
กัสสะปัสสะ นะมัตถุ วิปปะมุตตัสสะ สัพพะธิ -ความนอบน้อมจงมี แด่พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง
อังคีระสัสสะ นะมัตถุ สัก๎ยะปุตตัสสะ สิรีมะโต -ความนอบน้อมจงมี แด่พระอังคีรสะสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นโอรสแห่งศากยราช ผู้ทรงไว้ซึ่งพระสิริ
โย อิมัง ธัมมะมะเทเสสิ สัพพะทุกขาปะนูทะนัง -ซึ่งได้ทรงแสดงธรรมนี้ไว้ อันเป็นเครื่องบรรเทาเสีย ซึ่งทุกข์ทั้งปวง
เย จาปิ นิพพุตา โลเก ยะถาภูตัง วิปัสสิสุง -อนึ่ง แม้ชนเหล่าใดในโลก เห็นแจ้งธรรมตามความเป็นจริง ดับกิเลสได้แล้ว
เต ชะนา อะปิสุณา มะหันตา วีตะสาระทา -ชนเหล่านั้น ไม่มีความส่อเสียด เป็นผู้ใหญ่โดยคุณธรรม ปราศจากความครั่นคร้ามแล้ว
หิตัง เทวะมะนสสานัง ยัง นะมัสสันติ โคตะมัง -พากันนอบน้อมอยู่ ซึ่งพระพุทธเจ้าพระองค์ใด ผู้ทรงเป็นโคตมโคตร ผู้ทรงเกื้อกูล แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
วิชชาจะระณะสัมปันนัง มะหันตัง วีตะสาระทัง ฯ -ผู้ทรงถึงพร้อมแล้ว ด้วยวิชชาและจรณะ ผู้ทรงถึงความเป็นใหญ่ ปราศจากความครั่นคร้ามใดๆ แล้ว
( วิชชาจะระณะสัมปันนัง พุทธัง วันทามะ โคตะมันติ ) (-ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอนัสการ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นโคตมโคตร ผู้ทรงถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ ดังนี้ ) นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มะเหสินัง -ข้าพเจ้าขอนอบน้อม แด่พระพุทธเจ้าทั้งปวง ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ซึ่งทรงบังเกิดขึ้นแล้ว
ตัณหังกะโร มะหาวีโร เมธังกะโร มะหายะโส -คือพระตัณหังกร ผู้ทรงกล้าหาญ พระเมธังกร ผู้ทรงมียศใหญ่
สะระณังกะโร โลกะหิโต ทีปังกะโร ชุตินธะโร -พระสรณังกร ผู้ทรงเกื้อกูลแก่โลก พระทีปังกร ผู้ทรงไว้ซึ่งปัญญา
โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข มังคะโล ปุริสาสะโภ -พระโกญทัญญะ ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งหมู่ชน พระมังคะละ ผู้ทรงเป็นบุรุษประเสริฐ
สุมะโน สุมะโน ธีโร เรวะโต ระติวัฑฒะโน -พระสุมนะ ผู้ทรงเป็นปราชญ์ มีพระหฤทัยงดงาม พระเรวตะ ผู้ทรงเพิ่มพูนความยินดี
โสภิโต คุณะสัมปันโน อะโนมะทัสสี ชะนุตตะโม -พระโสภิตะ ผู้ทรงสมบูรณ์ด้วยพระคุณ พระอโนมะทัสสี ผู้ทรงอุดมในหมู่ชน
ปะทุโม โลกะปัชโชโต นาระโท วะระสาระถี -พระปทุมะ ผู้ทรงทำโลกให้สว่าง พระนารทะ ผู้ทรงเป็นสารถีผู้ประเสริฐ
ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร สุเมโธ อัปปะฏิปุคคะโล -พระปทุมุตตระ ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์ พระสุเมธะ ผู้ทรงหาบุคคลเปรียบมิได้
สุชาโต สัพพะโลกัคโค ปิยะทัสสี นะราสะโภ -พระสุชาตะ ผู้ทรงเลิศกว่าสัตว์โลกทั้งปวง พระปิยะทัสสี ผู้ทรงเป็นนรชนประเสริฐ
อัตถะทัสสี การุณิโก ธัมมะทัสสี ตะโมนุโท -พระอัตถะทัสสี ผู้ทรงมีพระกรุณา พระธรรมะทัสสี ผู้ทรงบรรเทาความมืดคืออวิชชา
สิทธัตโถ อะสะโม โลเก ติสโส จะ วะทะตัง วะโร -พระสิทธัตถะ ผู้ทรงหาบุคคลเสมอมิได้ ในโลก พระติสสะ ผู้ทรงประเสริฐกว่านักปราชญ์ทั้งหลาย
ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ วิปัสสี จะ อะนูปะโม -พระปุสสะพุทธเจ้า ผู้ทรงประทานธรรมอันประเสริฐ พระวิปัสสี ผู้ทรงหาที่เปรียบมิได้
สิขี สัพพะหิโต สัตถา เวสสะภู สุขะทายะโก -พระสิขี ผู้ทรงเป็นพระศาสดา เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย พระเวสสภู ผู้ทรงประทานความสุข
กะกุสันโธ สัตถะวาโห โกนาคะมะโน ระณัญชะโห -พระกกุสันธะ ผู้ทรงนำสัตว์ออกจากกันดาร คือ กิเลส พระโกนาคมนะ ผู้ทรงกำจัดเสียซึ่งข้าศึก คือ กิเลส
กัสสะโป สิริสัมปันโน โคตะโม สัก๎ยะปุงคะโว ฯ -พระกัสสปะ ผู้ทรงสมบูรณ์ด้วยพระสิริ พระโคตมะ ผู้ทรงประเสริฐแห่งหมู่ศากยราชทั้งหลาย
เอเต จัญเญ จะ สัมพุทธา อะเนกะสะตะโกฏะโย -พระพุทธเจ้าเหล่านี้ก็ดี เหล่าอื่นก็ดี ซึ่งนับจำนวนได้หลายร้อยโกฏิ
สัพเพ พุทธา อะสะมะสะมา สัพเพ พุทธา มะหิทธิกา -พระพุทธเจ้าเหล่านั้นทั้งหมด เป็นผู้ทรงเสมอกันกับพระพุทธเจ้า ผู้ทรงหาใครเสมอมิได้ พระพุทเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงมีมหิทธิฤทธิ์
สัพเพ ทะสะพะลูเปตา เวสารัชเชหุปาคะตา -ทุกๆ พระองค์ ทรงประกอบด้วยทศญาณ ทรงประกอบด้วยเวสารัชชญาณ
สัพเพ เต ปะฏิชานันติ อาสะภัณฐานะมุตตะมัง -ทุกๆ พระองค์ ทรงปฏิญญาพระองค์ ในฐานะผู้มีคุณธรรมอันสูงสุด
สีหะนาทัง นะทันเต เต ปะริสาสุ วิสาระทา -ทรงเป็นผู้องอาจ บันลือกระแสธรรมดุจสีหนาท ท่ามกลางพุทธบริษัท
พ๎รัห๎มะจักกัง ปะวัตเตนติ โลเก อัปปะฏิวัตติยัง -ยังพรหมจักรให้เป็นไป ไม่มีใครคัดค้านได้ในโลก
อุเปตา พุทธะธัมเมหิ อัฏฐาระสะหิ นายะกา -ทรงเป็นผู้นำหมู่ชน เพราะประกอบด้วยพุทธธรรม ๑๘ ประการ
ท๎วัตติงสะลักขะณูเปตา สีต๎ยานุพ๎ยัญชะนาธะรา -ทรงประกอบด้วยมหาบุรุษลักษณะ ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ
พ๎ยามัปปะภายะ สุปปะภา สัพเพ เต มุนิกุญชะรา -ทรงมีพระรัศมีอันงดงาม แผ่ออกจากพระวรกายโดยรอบข้างละวา ทุกๆ พระองค์ ทรงเป็นพระมุนีผู้ประเสริฐ
พุทธา สัพพัญญุโน เอเต สัพเพ ขีณาสะวา ชินา -ทุกๆ พระองค์ ทรงเป็นพระสัพพัญญู เป็นพระชีณาสพ เป็นผู้ชำนะซึ่งพญามาร
มะหัปปะภา มะหะเตชา มะหาปัญญา มะหัพพะลา -ทรงมีพระรัศมี และพระเดชมาก ทรงมีพระปัญญา และพระกำลังมาก
มะหาการุณิกา ธีรา สัพเพสานัง สุขาวะหา -ทรงมีพระมหากรุณา และทรงเป็นจอมปราชญ์ ทรงนำความสุขมาให้ แก่สัตว์ทั้งปวง
ทีปา นาถา ปะติฏฐา จะ ตาณา เลณา จะ ปาณินัง -ทรงเป็นดุจเกาะ เป็นดุจที่พึ่ง และเป็นดุจที่พำนักอาศัย ทรงเป็นดุจดที่ต้านทาน ซึ่งภัยทั้งปวง เป็นดุจที่หลีเร้นของสัตว์ทั้งหลาย
คะตี พันธู มะหัสสาสา สะระณา จะ หิเตสิโน -ทรงเป็นที่ส่งใจถึง ทรงเป็นพวกพ้อง ทรงเป็นที่อุ่นใจอย่างยิ่ง ทรงเป็นสรณะ และเป็นผู้ทรงแสวงสิ่งเอื้อเกื้อกูล
สะเทวะกัสสะ โลกัสสะ สัพเพ เอเต ปะรายะนา -ทุกๆ พระองค์ ทรงเป็นที่มุ่งหวังแม้ในเบื้องหน้า แก่ประชาชาวโลก พร้อมทั้งเทวดา
เตสาหัง สิระสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตะเม -ข้าพระพุทธองค์ ขออภิวาทพระบาทยุคล ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยเศียรเกล้า
วะจะสา มะนะสา เจวะ วันทาเมเต ตะถาคะเต -และขออภิวาท ซึ่งพระตถาคตเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ผู้ทรงเป็นอุดมบุรุษ พร้อมทั้งวาจา และทางใจด้วย
สะยะเน อาสะเน ฐาเน คะมะเน จาปิ สัพพะทา -ทั้งในที่นอน ในที่นั่ง ในที่ยืน แม้ในที่เดินด้วย ในกาลทุกเมื่อ
สะทา สุเขนะ รักขันตุ พุทธา สันติกะรา ตุวัง -ขอพระพุทธเจ้า ผู้ทรงสร้างสันติ จงรักษาท่านให้มีความสุข ตลอดกาลทุกเมื่อเถิด
เตหิ ต๎วัง รักขิโต สันโต มุตโต สัพพะภะเยนะ จะ -ท่านเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงรักษาแล้ว จงเป็นผู้พ้นจากภัยทั้งปวง
สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโต -พ้นจากโรคทั้งปวง หายจากความเดือดร้อนทั้งปวง
สัพพะเวระมะติกกันโต นิพพุโต จะ ตุวัง ภะวะ ฯ -ล่วงเสียซึ่งเวรทั้งปวง และดับทุกข์ทั้งปวงได้เถิด
เตสัง สัจเจนะ สีเลนะ ขันติเมตตาพะเลนะ จะ -ด้วยสัจจะ ด้วยศีล และด้วยกำลังแห่งขันติ และเมตตาของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ ฯ -ขอพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ จงตามรักษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
ปุรัตถิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ ภูตา มะหิทธิกา -เหล่าภูตทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก ที่สถิตอยู่ในทิศบูรพา
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ -แม้ภูตเหล่านั้น จงตามรักษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
ทักขิณัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ เทวา มะหิทธิกา -เทวดาทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก ที่สถิตอยู่ในทิศทักษิณ
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ -แม้เทวดาทั้งหลายเหล่านั้น จงตามรักาษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
ปัจฉิมัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ นาคา มะหิทธิกา -พญานาคทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก ที่สถิตอยู่ในทิศปัจจิม
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ -แม้พญานาคเหล่านั้น จงตามรักษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
อุตตะรัส๎มิง ทิสาภาเค สันติ ยักขา มะหิทธิกา -ยักษ์ทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก ที่สถิตอยู่ในทิศอุดร
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ -แม้ยักษ์เหล่านั้น จงตามรักษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
ปุริมะทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก -ท้าวธะตะรฐ อยู่ประจำทิศบูรพา ท้าววิรุฬหก อยู่ประจำทิศทักษิณ
ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง -ท้าววิรูปักข์ อยู่ประจำทิศปัจจิม ท้าวกุเวร อยู่ประจำทิศอุดร
จัตตาโร เต มะหาราชา โลกะปาละ ยะสัสสิโน -ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้น เป็นผู้มียศ คุ้มครองรักษาโลกอยู่
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ -แม้ท้าวมหาราชทั้ง ๔ นั้น จงตามรักษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุข ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
อากาสัฏฐา จะ ภุมมัฏฐา เทวา นาคา มะหิทธิกา -เทวดาผู้ประเสริฐทั้งหลาย ผู้มีฤทธิ์มาก ที่สถิตอยู่ในอากาศก็ดี สถิตอยู่บนภาคพื้นก็ดี
เตปิ ตุมเห อะนุรักขันตุ อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ -แม้เทวดาเหล่านั้น จงตามรักษาซึ่งท่านทั้งหลาย ให้เป็นผู้มีความสุขปราศจากโรคภัยเบียดเบียน ............................................... คัดลอกจาก หนังสือมนต์พิธีแปล รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี (เอี่ยม สิริวัณโณ) วัดอรุณราชวราราม(คณะ๓) เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
ที่มา อาฏานาฏิยะปะริตตัง หรือ อาฏานาฏิยปริตร http://www.watpamahachai.net/
|