เสียงสวดปราบผี ปราบคุณไสย ถอนสิ่งชั่วร้ายในบ้าน ในห้องพัก ในร่างกาย

 

เสียงสวดนี้ใช้ทำน้ำมนต์ได้ ใช้ถอนคุณไสย ถอนสิ่งชั่วร้าย ไล่เสนียด

 

 

คาถา มหาสะท้อน สะท้อนคุณไสย ไล่สิ่งไม่ดี คุณผี คุณคน | หลวงพ่อกวย ชุตินธฺโร

 



พระคาถาชินบัญชร / Lucky secret

 

พระคาถาชินบัญชร



พระคาถาบูชา บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์



 พระคาถาบูชา บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์

โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง การุณิโก

สัพพะ สัตตานัง โอสะถะ ทิพพะ มันตัง

ปะภาโส สุริยะจันทัง โกมาระภัจโจ

ปะกาเสสิ วันทามิ บันฑิโต สุเมธะโส

อะโรคา สุมะนา โหมิฯ(3 จบ)


ปิโยเทวะ มนุษย์สานัง ปิโยพรหมมา

นะมุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิณินทรีย์

นะมามิหัง นะโมพุทธายะ นะวนนะเวียน

นะสถิตย์นะเสถียร เอหิมานา นะเวียนนะแวะ

นะไปทางเวียน นะเวียนมาหากู เอหิมามา

ปิยังมะมะ นะโมพุทธายะ (1 จบ)

นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ (3 จบ)

นะอะ นะวะโรคา พยาธิ วินาศสันติ (3 จบ)

มะหาลาภา ปิยามะมะ (3 จบ)


ข้าพเจ้า ขอกราบไหว้นมัสการบูชาต่อองค์บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอหลวงประจำองค์

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ข้าพเจ้า (ชื่อ – นามสกุล) ขอตั้งจิตอธิษฐานกราบไหว้บูชาด้วย ความเคารพ โดยน้อมระลึกถึงองค์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่ตั้ง ดุจดั่งที่บรมครูหมอ มีศรัทธาเป็นมั่นคงต่อองค์พระสัมมาในสมัยพุทธกาล ขอบารมีของบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ ให้บรรดา โรคร้ายภัยเวรที่เกิดขึ้นในร่างกาย บรรดาโรคร้ายภัยเวรที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ที่ทำให้เป็นทุกข์ และโรคร้าย ภัยเวรอันเกิดจากโรคเวรโรคกรรมทั้งหมดทั้งมวลนั้น ทำให้เกิดความทุกข์กายทุกข์ใจแก่ข้าพเจ้า บิดามารดา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท มิตรสหายของข้าพเจ้า จงมลายหายสิ้นไปด้วยบารมีของ บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ บารมีของบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ จงคุ้มครองพิทักษ์รักษาข้าพเจ้า (ชื่อ – นามสกุล) ไปตลอดปี ตลอดไป

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ประสบความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรง สุขภาพกาย สุขภาพใจ มีความสมบูรณ์เป็นสุข ดุจดั่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “อะโรคะยา ปะระมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอัน ประเสริฐ ขอให้ความมีลาภอันประเสริฐ จงบังเกิดขึ้นตามคำอธิษฐานของข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ


คาถาบูชาพระบรมครูแพทย์ชีวกโกมารภัจจ์ สวดเป็นประจำเพื่อบูชาครูแพทย์ก่อนทำการรักษาไข้ สวดเพื่อขอบารมีท่านให้มาช่วยปัดเป่าคุ้มครองป้องกันรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนาๆ ขอให้บารมีเกิดแก่ผู้ที่ได้รับฟังทุกผู้ทุกคนขออย่าให้มีโรคภัยเบียดเบียนเลย....สาธุ

จุลชัยยะมงคลคาถา เสียงสวดไพเราะมาก

 


คาถา มหาสะท้อน ๑๐๘ จบ หลวงพ่อกวย ชุตินธฺโร

 

บทสวดอุเทนตะยัญจักขุมา "ภาวนา ๙ จบ (โมระปะริตตัง) (1)

 บทสวดอุเทนตะยัญจักขุมา "ภาวนา ๙ จบ (โมระปะริตตัง) (1)


บทสวดอุเทนตะยัญจักขุมา (โมระปะริตตัง) อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง เย พ๎ราห๎มะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัต๎วา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ ฯ ...ตำนานโมระปริตร มนต์คาถาของนกยูงทอง พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกยูง มีขนสีเหลืองเหมือนทอง จึงมีชื่อว่านกยูงทอง อาศัยอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่ง ตามปรกตินกยูงทอง พอถึงเวลาเช้าก็จะไปจับบนยอดภูเขา บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออก แลดูดงอาทิตย์ที่แรกขึ้น แล้วเจริญมนต์ว่า อุเทตะยัญจักขุมา เอกราชา เป็นต้น ซึ่งมีความหมายว่า พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเหมือนทอง ส่องพื้นภิภพให้สว่าง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมนมัสการพระอาทิตย์ ขอให้คุ้มครองข้าพเจ้าให้เป็นสุขตลอดวัน ข้าพเจ้าขอมนัสการผู้รู้ธรรม ขอให้รักษาข้าพเจ้า ความนอบน้อมของข้าพเจ้า จงมีแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จงมีแด่พระโพธิญาณ จงมีแด่ท่านผู้พ้นทุกข์ ดังนี้ พอเจริญมนต์เสณ้จแล้วก็ไปหาอาหาร การเจริญมนต์ของนกยูงทองตอนนี้ เพื่อคุ้มครองป้องกันในเวลากลางวัน ครั้นเวลาเย็นกลับมาจากหาอาหารแล้วก็ขึ้นไปจับบนยอดเขา บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตก แลดูดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตก เจริญมนต์ว่า อะเปตะยัญจักขุมา เอกราชา เป็นต้น ซึ่งมีใจความว่า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์อันเป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเหมือนทอง กำลังจะตกไปแล้ว ขอให้คุ้มครองข้าพเจ้าให้เป็นสุขตลอดคืน เป็นต้น การเจริญมนต์ของนกยูงตอนนี้เพื่อคุ้มครองป้องกันตนในเวลากลางคืน จริยาวัตรดังกล่าวนี่ นกยูงได้ทำเป็นเนืองนิตย์ทุกวันทุกคืน จึงอยุ่เป็นสุขปราศจากอันตรายตลอดมา อยู่มาวันหนึ่ง พระนางเขมา อัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ทรงสุบินเห็นนกยูงทองแสดงธรรมให้ฟังอย่างไพเราะจับใจ ครั้นตื่นขึ้นก็กราบทูลพระราชาสวามี และทูลประสงค์จะฟังธรรม ของนกยูงทองที่ทรงสุบินนั้น พระราชสามีเที่ยวสืบถามเหล่าพรานไพร ก็ทรงทราบจากลูกชายของพรานคนหนึ่ง ซึ่งพ่อของเขาได้บอกว่าก่อนตายว่า มีนกยูงสีทองตัวหนึ่งอาศัยที่ภูเขาโน้น จึงสั่งให้จับมาถวาย แต่อย่าทำให้ถึงตาย พรานไพรก็เอาบ่วงไปดักในที่ที่นกยูงทองเที่ยวหากิน เมื่อยกยูงทองเหยียบที่บ่วง บ่วงไม่สามารถทำอะไรนกยูงทองได้ ด้วยอำนาจมนต์ที่นกยูงทองเจริญอยู่เป็นนิตย์ นายพรานพยายามดักอยู่ถึงเจ็ดปีก็จับไม่ได้จนตัวตาย พระนางเขมาราชเทวี เมื่อไม่ได้สมความปรารถนาก็เศร้าโศกซูบผอมตรอมพระทัยจนสิ้นพระชนม์ พระราชาพิโรธเป็นกำลังที่มเหสีต้องสิ้นพระชนม์ลงเพราะนกยูงทอง จึงทรงจองเวร ให้อาลักษณ์จารึกหนังสือไว้บนแผ่นทองว่า มีนกยูงทองตัวหนึ่งอาศัยอยู่บนภูเขา ถ้าใครได้กินเนื้อนกยูงทองตัวนี้จะอายุยืนไม่แก่ตาย จารึกแล้วบรรจุแผ่นทองลงในหีบเพื่อคนภายหลังจะได้อ่าน ต่อมาพระราชาก็สวรรคต พระราชาองค์ต่อมาผู้สืบสันตติวงศ์ทรงอ่านแผ่นทองนั้น สำคัญว่าเป็นจริงจึงสั่งให้พรานไปดักจับก็ไม่สมพระราชประสงค์ จนคราวหนึ่งพรานคนหนึ่งสังเกตุว่า ทำไมหนอบ่วงจึงไม่รูดรัดเท้านกยูงทองตัวนี้ เมื่อสะกดรอยดูก็เห็นนกยูงทอเจริญมนต์ทุกเชาทุกเย็น จึแน่ใจว่าเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้นกยูงทองไม่ติดบ่วง นายพรานคิดอุบายขึ้นมาได้จึงไปจับนางนกยูงตัวหนึ่งมาฝึกให้รู้อาณัติสัญญาณ เช่นดีดนิ้วมือนกยูงก็ร้อง ถ้าปรบมือนางนกยูงก็ฟ้อนรำ เมื่อฝึกสอนจนชำนาญแล้ว จึงอุ้มนางนกยูงไปแต่มืดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แล้วดักบ่วงไว้ก่อนที่นกยูงทองจะเจริญมนต์ พอเสร็จดีดนิ้วมือขึ้น นางนกยูงจึงส่งเสียงด้วยสำเนียงไพเราะจำใจพอนกยูงทองได้ยิเสียงร้องของนางนกยูง ก็รุ่มร้อนด้วยอำนาจกิเลสลืมเจริญมนต์รีบโผบินไปยังที่นางนกยูงอยู่ พอโผบินลงจากอากาศเท้าก็สอดเข้าในบ่วง นายพรานจึงนำนกยูงทองไปถวายพระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าแผ่นดินทรงพอพระราชหฤทัยมากที่จะได้เสวยเนื้อนกยูงทอง จะได้ไม่แก่ตายตามคำจารึกนั้น แต่ก่อนจะเสวยจึงใครจะสนทนากับนกยูงทองเสียก่อน จึงจัดที่ให้นกยูงทองจับ เมื่อนกยูงทองจับที่นั้นแล้ว จึงทรงทูลถามที่เหตุที่ทรงดักจับได้ พระเจ้าแผ่นดินก็ตรัสเล่าให้ตามที่ปรากฎในจารึกนั้น นกยูงทองจึงทูลว่า ทำไมพระองค์จึงเชื่อดังนั้น ถ้าเนื้อของข้าพเจ้าวิเศษจริงถึงกับทำให้คกินไม่แก่ไม่ตายจริง แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น แม้ข้าพเจ้ายังต้องตาย ไฉนผู้กินเนื้อข้าพเจ้าจะไม่ตายเล่า ขอพระองค์ได้เชื่อตามนั้นเลย กรรมหนักจะตกแก่พระองค์ แล้วนกยูงทองก็แสดงอานิสงส์ของการไม่เบียดเบียนสัตว์ จนพระเจ้าแผ่นดินทรงเลื่อมใส รับใส่ให้ปล่อยนกยูงทองไป แล้วออกหมายประกาศไม่ให้ผู้ใดทำร้ายสัตว์ทุกชนิดในพระราชอาณาเขตของพระองค์ มนต์บทนี้ถือกันว่า ทำให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งปวง ฯ ".ช่อง ธรรมะ. พระธรรมคําสอน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. ..วัตถุประสงค์เพื่อการเผยแพร่ ธรรมะพ่อแม่ครูบาอาจารย์ บทสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา เพื่อเทิดทูนเคารพบูชา คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระสังฆเจ้า เพื่อเป็นอานิสงส์เป็นประโยชน์แก่พุทธมามกะ พุทธบริษัทชาวพุทธสืบต่อไปฯ ..ทั้งนี้ทางช่อง ต้องขอขอบพระคุณ ผู้ที่มีส่วนสร้างผลงานภาพ สำหรับนำมาประกอบวีดีโอ ตลอดทั้งผู้มีส่วนทุกท่าน ไว้เป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วย "จัดทำเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน..ไม่มีการจำหน่าย หรือ มีค่าตอบแทนใดๆ" [จัดตั้งช่องธรรมะโดย พระทรงวุฒิ ถิรจิตฺโต]

คาถามหาสะท้อนกลับ หลวงพ่อกวยวัดโฆสิตาราม 108

 

พระคาถาอิติปิโสถอยหลัง108จบ

 


#บทสวดมนต์ #อิติปิโส #พาหุงมหากา #คาถาชินบัญชร #บูรพารัสมิง #มหาเมตตาใหญ่ I #ธัมจักกัปปวัตตนสูตร #ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

#บทสวดมนต์ #อิติปิโส #พาหุงมหากา #คาถาชินบัญชร #บูรพารัสมิง 

#มหาเมตตาใหญ่ I #ธัมจักกัปปวัตตนสูตร #ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก

พระคาถาศักดิ์สิทธิ์ พระคาถา มงกุฎพระพุทธเจ้า

 



คาถา บูชา ท้าวเวสสุวรรณ 108 จบ ผู้ใดบูชาแล้ว จะบังเกิดโชคลาภ ร่ำรวยเงินทอง เงินไม่ขาดมือ

 

พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ๑๐๘ จบ

 




สุดยอดพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า พระมหากษัตริย์ไทยใช้แต่โบราณมา 
สยบสัตว์ร้าย ป้องกันศัสตรา เมตตามหานิยม
โดยคาถาที่ว่านี้ คนไทยใช้สวดกันมาแต่โบราณ 

 มีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า”
หรือที่่รู้จักกันในชื่อ "คาถาอิติปิโสเรือนเตี้ย"
อันเป็นคาถาเสกหญ้าให้ม้ากิน ที่หลวงปู่เอี่ยมถวายแก่ ร.5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรป
"มีตัวคาถาว่า "อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ "
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ
คำแปลคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า
อิ ติปิโส วิเสเส อิ
แม้เพราะเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงวิเศษ
อิ เสเส พุทธะนาเม อิ
เพราะวิเศษ ควรนอบน้อมพระพุทธเจ้า
อิ เมนา พุทธะตังโส อิ
เพราะนอบน้อมพระพุทธเจ้า เราจะเข้าถึงพระองค์
อิ โสตัง พุทธะปิติ อิ
เพราะเราเข้าถึงพระองค์ ก็จะปิติในพระพุทธเจ้า
อุปเท่ห์ในการใช้พระคาถา
ภาวนาทุกวันมิตกนรก เสกน้ำล้างหน้าทุกวันกันโรคภัยไข้เจ็บคุณไสยทั้งมวล ถ้าจะให้มีตบะเดชะให้ภาวนาทุกวัน เกิดสง่าราศีเป็นที่เมตตาแก่คนทั้งหลาย ให้ภาวนาแล้วแผ่เมตตาให้คนทั้งปวง ใครคิดร้ายก็ต้องมีอันเป็นไป ถ้าปรารถนาสิ่งใด ให้ภาวนาคาถานี้ ๑๘ คาบ เป็นไปได้ดังใจนึก
ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้ภาวนาคาถานี้ ๘ คาบเป็นมหาจังงังแล ถ้าจะให้เป็นมหาละลวยให้ภาวนา ๙ คาบ
ถ้าช้างม้าวัวควายสัตว์ที่ดุร้ายทั้งหลาย ให้เสกหญ้าเสกของให้มันกิน กลับใจอ่อนรักเราแล ถ้าภูตพรายมันเข้าอยู่คน เสกข้าวให้มันกินออกแล
ถ้าปรารถนาจะให้เสียงเพราะ ให้เสกสีผึ้งสีปากเสกหมากกินไป เทศนาสวดร้องเป็นที่พอใจคนทั้งหลาย ให้เสกแป้งผัดหน้า เสกมงกุฎรัดเกล้า เป็นสง่าราศีใครเห็นใครรักทุกคน
อนึ่งให้เอาใบลานหรือกระดาษว่าวมาลงคาถานี้ ทำเป็นมงคลเสกด้วยตัวเอง สารพัดกันศาสตราอาวุธทั้งหลาย เป็นวิเศษนัก
พระคาถาบทนี้ พระมหากษัตริย์แต่เก่าก่อนทรงใช้ประจำทุกพระองค์แล
อนึ่งพระคาถานี้ใช้สำหรับภาวนาสักการะซึ่งพระบรมธาตุ พระพุทธปฏิมา พระเจดีย์สิ้นทั้งปวง แต่โบราณมากำหนดเอาพระคาถานี้ใช้อัญเชิญพระบรมธาตุเสด็จโดยปาฏิหาริย์แล
เคล็ดในการสวดคาถา “มงกุฎพระพุทธเจ้า”
หลักในการว่าคาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์นั้น มีพื้นฐานจาก " จิต " เป็นสำคัญ หากจิตมีสมาธิสูง ตั้งมั่นคาถาก็ยิ่งทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นระหว่างที่ว่าคาถาให้ จับลมหายใจสบายพร้อม ๆ กับการภาวนาคาถาบทนี้ เป็นขั้นที่ 1 ระดับสูงกว่านี้

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ท่านใช้คาถาบทนี้โดยมีนิมิต กำกับคาถา โดยทรงพุทธนิมิต ไว้ดังนี้ โดยตั้งกำลังใจว่าเรา ขอกราบอาธารณาบารมีพระพุทธเจ้าเสด็จประทับเหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้าเพื่อ.......ปกปักรักษาคุ้มครองข้าพเจ้าด้วยเทอญ
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " เมื่อว่าคาถาจบ คาบที่ 1 ก็กำหนดอาราธณาพุทธนิมิตอยู่เบื้องหน้าของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตนี้เอาไว้
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิอิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 2 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์หนึ่ง อยู่เบื้องขวาของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตทั้งหมดเอาไว้
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 3 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านหลังของศีรษะเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
" อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 4 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านซ้าย และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 5 ก็กำหนด พุทธนิมิตอีกพระองค์อยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
" อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 6 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 7 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้
" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนาพุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ " ว่าคาถาจบที่ 8 ก็กำหนดพุทธนิมิตอีกพระองค์ อยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของศีรษะของเรา และ ทรงพุทธนิมิตเอาไว้ทั้ง 8 พระองค์เรียงวนรอบศีรษะของเรา

" อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ "ว่าคาถาจบที่ 9 กำหนดพุทธนิมิตพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่เสด็จประทับกึ่งกลางศีรษะเป็นยอดมงกุฎเปล่งประกายพรึก ทุกๆพระองค์เป็น มงกุฎเพชรพระพุทธเจ้าทั้งเก้าพระองค์บนเศียรเกล้าของเรา
เมื่อทำได้แล้วจะเข้าใจได้ทันทีว่าคาถานี้ทำไมจึงมีชื่อว่า คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า และ ให้ทรงมงกุฎพระพุทธเจ้านี้เอาไว้ตลอดเวลาเป็นการทรงอารมณ์ในพุทธานุสติกรรมฐาน



ป้ายกำกับ