วันอาสาฬหบูชา วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘

วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชา   ( บาลี:   อาสาฬหปูชา ;   อักษรโรมัน: Asalha Puja)
เป็น วันสำคัญทางศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท และวันหยุดราชการใน ประเทศไทย 
คำว่า   อาสาฬหบูชา   ย่อมาจาก "อาสาฬหปูรณมีบูชา" แปลว่า
"การบูชาในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ" อันเป็นเดือนที่สี่ตาม ปฏิทิน
ของ ประเทศอินเดีย   ตรงกับ วันเพ็ญ   เดือน ๘ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย
ซึ่งมักจะตรงกับ เดือนมิถุนายน หรือ เดือนกรกฎาคม   แต่ถ้าใน ปีใดมีเดือน ๘ สองหน 
ก็ให้เลื่อนไปทำในวันเพ็ญเดือน ๘ หลังแทน



วันอาสาฬหบูชาได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
เนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ ๔๕ ปี ก่อน พุทธศักราช 
ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ คือวันอาสาฬหปุรณมีดิถี หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ
ณ   ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมือง พาราณสี   แคว้นมคธ   อันเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรง
แสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรกเป็นปฐมเทศนา คือ   ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร   แก่ปัญจวัคคีย์

การแสดงธรรมครั้งนั้นทำให้พราหมณ์โกณฑัญญะ ๑ ใน ๕   ปัญจวัคคีย์ 
เกิดความเลื่อมใสในพระธรรมของพระพุทธเจ้า จนได้ดวงตาเห็นธรรม
หรือบรรลุเป็น พระอริยบุคคล ระดับ โสดาบัน   ท่านจึงขอ อุปสมบท
ในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา   พระอัญญาโกณฑัญญะ
จึงกลายเป็น พระสงฆ์ องค์แรกในโลก และด้วยเหตุที่ท่านได้บรรลุธรรม
เป็นพระอริยบุคคล ( อนุพุทธะ)เป็นคนแรก๖

จึงทำให้ในวันนั้นมี พระรัตนตรัย ครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก
คือ มีทั้ง พระพุทธ   พระธรรม และ พระสงฆ์   ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันนี้ถูกเรียกว่า "วันพระธรรม"
หรือ วันพระธรรมจักร อันได้แก่วันที่ล้อแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าได้หมุนไปเป็นครั้งแรก
และ "วันพระสงฆ์" คือวันที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก อีกด้วย

เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีการบูชาในเดือน ๘ หรือวันอาสาฬหบูชาในประเทศพุทธ เถรวาท มาก่อน
จนมาในปี   พ.ศ. ๒๕๐๑ การบูชาในเดือน ๘ หรือวันอาสาฬหบูชาจึงได้เริ่มมีขึ้นในประเทศไทย
ตามที่ คณะสังฆมนตรี   ได้กำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เมื่อ   พ.ศ. ๒๕๐๑   โดยคณะสังฆมนตรีได้มีมติให้เพิ่มวันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทาง พุทธศาสนา
ในประเทศไทย ตามคำแนะนำของ   พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารี)   โดยคณะสังฆมนตรี
ได้ออกเป็นประกาศสำนักสังฆนายก เมื่อวันที่   ๑๔ กรกฎาคม   พ.ศ. ๒๕๐๑

กำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาพร้อมทั้งกำหนดพิธีอาสาฬหบูชา
ขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยมีพิธีปฏิบัติเทียบเท่ากับ วันวิสาขบูชา
อันเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล

อย่างไรก็ตาม วันอาสาฬหบูชาถือเป็นวันสำคัญที่กำหนดให้กับวันหยุดของรัฐ
เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในต่างประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทอื่น ๆ
ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาเทียบเท่ากับ วันวิสาขบูชา

ความสำคัญ
วันอาสาฬหบูชา หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘
เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมที่ตรัสรู้เป็นครั้งแรก
จึงถือได้ว่าวันนี้เป็นวันเริ่มต้นประกาศ พระพุทธศาสนา แก่ชาวโลก
และด้วยการที่พระพุทธเจ้าทรงสามารถ แสดง เปิดเผย ทำให้แจ้ง
แก่ชาวโลก ซึ่งพระธรรมที่ตรัสรู้ได้ จึงถือได้ว่าพระองค์

ได้ทรงกลายเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์
คือทรงสำเร็จภารกิจแห่งการเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็น "สัมมาสัมพุทธะ"
คือเป็นพระพุทธเจ้าผู้สามารถแสดงสิ่งที่ตรัสรู้ให้ผู้อื่นรู้ตามได้
ซึ่งแตกต่างจาก " พระปัจเจกพุทธเจ้า" ที่แม้จะตรัสรู้เองได้โดยชอบ
แต่ทว่าไม่สามารถสอนหรือเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ตามได้
ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระธรรม"

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่ท่าน โกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรม
สำเร็จพระ โสดาบัน เป็น พระอริยบุคคล คนแรก และ
ได้รับประทานเอหิภิกขุ อุปสมบทเป็น พระสงฆ์ องค์แรกในพระศาสนา
และด้วยการที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรก
ในโลกดังกล่าว พระรัตนตรัยจึงครบองค์สามบริบูรณ์เป็นครั้งแรกในโลก

ด้วยเหตุนี้วันอาสาฬหบูชาจึงมีชื่อเรียกว่า "วันพระสงฆ์"
ดังนั้น วันอาสาฬหบูชาจึงถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงวันคล้ายวัน
ที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาดังกล่าว ซึ่งควรพิจารณา
เหตุผลโดยสรุปจากประกาศสำนักสังฆนายกเรื่องกำหนดพิธีอาสาฬหบูชา
ที่ได้สรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันอาสาฬหบูชาไว้โดยย่อ ดังนี้

เหตุการณ์สำคัญ
ที่เกิดในวันอาสาฬหบูชาในพระพุทธประวัติ
หลังจากได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖   ณ   ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แล้ว
พระองค์ได้ประทับเสวยวิมุตติสุขอยู่บริเวณ สัตตมหาสถาน โดยรอบต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเวลาถึง ๗ สัปดาห์

และในขณะทรงนั่งประทับเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๕ หลังการตรัสรู้ ภายใต้ต้นอชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
ได้ทรงมานั่งคำนึงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นของลึกซึ้ง คนจะรู้และเข้าใจตามได้ยาก
ตามความในมัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ว่า

... บัดนี้ ไม่สมควรที่เราจะประกาศธรรมที่เราตรัสรู้ เพราะธรรมที่เราตรัสรู้นั้น
เป็นสิ่งที่คนทั่วไป ที่ถูกราคะ โทสะครอบงำอยู่จะไม่สามารถมองเห็นได้โดยง่าย ,
คนที่ถูกราคะย้อมไว้ ถูกกองมืด (คืออวิชชา) หุ้มไว้มิดทั้งหลาย ย่อมไม่สามารถ
ที่จะเข้าใจธรรมะของเรา ที่เป็นสิ่งทวนกระแส (อวิชชา) ที่มีสภาพลึกซึ้ง ละเอียดเช่นนี้ได้เลย...

(มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ทรงท้อพระทัยในการแสดงธรรม)

ขอขอบคุณที่มา : http://www.watpamahachai.net ,  dhammathai.org, วิกิพีเดีย

ป้ายกำกับ