แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พระคาถามหาศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ พระคาถามหาศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แสดงบทความทั้งหมด

พระคาถามหาศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

พระคาถามหาศักดิ์สิทธิ์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต





ตั้งนะโมฯ 3จบแล้วว่า

อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ปัญจมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะ สัจจะวัตเชนะ โหตุเม ชะยะมังคะลัง นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา ภูริทัตโต มะหาเถโร อะหังวันทามิ สัพพะทา

คำแปล(เพื่อความเข้าใจ)

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชนะมารทั้งห้า ทรงตรัสรู้พระอริยะสัจสี่อันประเสริฐ ได้ด้วยพระองค์เอง ทรงประกาศพระธรรมจักรอันประเสริฐ เพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกทั้งหลายให้พ้นทุกข์ ด้วยอำนาจสัจจะวาจาอันประเสริฐนี้ ขอชัยมงคลคือความชนะต่อสิ่งไม่ดีทั้งปวงและความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระธรรม อันเป็นเครื่องให้ตรัสรู้ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตมหาเถระด้วยความเคารพ
ท่านพระอาจารย์เล่าว่า ครานั้นท่านพักอยู่ดอยอะไรจำไม่ได้ แต่เป็นชาวลีซอ ท่านมิได้สนใจเรื่องภายนอก มีแต่พิจารณาธรรมภายใน เช้าวันหนึ่งไปบิณฑบาต สังเกตเห็นชาวบ้านจับกลุ่มสนทนากัน มีท่าทางตื่นเต้น ฟังไม่ค่อยรู้ภาษา จำได้แต่ว่า ยาปาน ยาปาน พอกลับถึงวัด ท่านเลยถามเป็นภาษาคำเมืองว่า "เขาพูดอะไรกัน"
ได้ความว่า ทหารยาปาน (ญี่ปุ่น) บุกขึ้นประเทศไทย ที่เมืองสงขลา การรบได้เป็นไปอย่างหนักหน่วง มีแม่ค้าขายของเป็นประจำในตอนเช้าเข้าร่วมรบด้วย มีหัวหน้าชื่อนางสาวกอบกุล พร้อมนักรบแม่ลูกอ่อน มีทั้งแม่ลูกหนึ่งลูกสอง

ท่านได้ฟังแล้วก็ยิ้มกับชาวบ้าน ถามว่า "นักรบแม่ลูกอ่อนก็มีด้วยหรือ"
ต่อมาได้มีคำสั่งจากรัฐบาลถึงกองทัพ ให้ทหารไทยหยุดยิง โดยอ้างว่าญี่ปุ่นไม่ต้องการรบกับไทย ขอผ่านเฉยๆ แต่ทหารไทยประจำแนวหน้า พร้อมนักรบแม่ลูกอ่อนก็ไม่หยุดยิง ไม่ถอย ทหารญี่ปุ่นขึ้นบกไม่ได้ ตายเขียวไปทั้งทะเล ว่าอย่างนั้น จนรัฐบาลต้องส่งกองทหารอื่นเข้าไป สั่งให้ทหารญี่ปุ่นหยุดยิง ขอสับเปลี่ยนกองทหาร ทัพแนวหน้าและนักรบแม่ลูกอ่อน จึงได้หยุดยิงถอยเข้ากรมกอง ฝ่ายกองทัพญี่ปุ่นจึงขึ้นบกได้

ท่านก็ไม่ได้ถือเอาเป็นอารมณ์ คิดว่าเป็นกรรมของสัตว์ เจริญสมณธรรมตามปกติ วันรุ่งขึ้นพอจวนจะสว่าง ท่านวิตกขึ้นว่า
"ชะตากรรมประเทศไทยจะเป็นอย่างไรกันหนอ"
ปรากฏนิมิตว่า
"ประเทศไทยคล้ายภูเขาสูง บนยอดมีธงไทย 3 สี ปลิวสะบัดอยู่ และมีพระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่เหนือธงไทย มองดูตีนเขาลูกนั้น มีธงชาติต่างๆ ปักล้อมรอบเป็นแถวๆ "
ท่านพิจารณาได้ความว่า
"ประเทศไทยไม่เป็นอะไรมาก นอกจากผู้มีกรรมเท่านั้น และต่อไปนานาประเทศจะยอมรับนับถือ เพราะประเทศไทย พระพุทธเจ้าสอนไม่ให้เบียดเบียน รังแกข่มเหงเพื่อนมนุษย์และสัตว์ และประเทศไทยก็ไม่เคยข่มเหงประเทศใด นอกจากป้องกันตัวเท่านั้น ชาติต่างๆ จึงยอมรับนับถือเป็นกัลยาณมิตร"

อีกคราวหนึ่ง ท่านพักที่ดอยมูเซอ วันหนึ่งพระสยามเทวาธิราชพร้อมเทพบริวารได้พากันมากราบนมัสการ ท่านกำลังเดินจงกรมอยู่ พอรายงานตัวเสร็จ ท่านถามวัตถุประสงค์
พระสยามเทวาธิราชตอบว่า "เวลานี้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดที่กรุงเทพฯ อย่างหนักหน่วง พวกข้าพเจ้าป้องกันเต็มที่"
หลวงปู่มั่น ถามว่า "มีคนบาดเจ็บล้มตายไหม"
พระสยามเทวาธิราช ตอบว่า "มี"
หลวงปู่มั่น ถามว่า"ทำไมไม่ช่วย"
ตอบว่า "ช่วยไม่ได้ เพราะเขามีกรรมเวรกับฝ่ายข้าศึก จะช่วยได้แต่ผู้ไม่มีกรรม สถานที่สำคัญ และพระพุทธศาสนาเท่านั้น"
หลวงปู่มั่น ถามว่า "มานี้ประสงค์อะไร"
ตอบว่า "ขอให้ท่านบอกคาถาปัดเป่าลูกระเบิดไม่ให้ตกถูกที่สำคัญด้วย"
หลวงปู่มั่นจึงกำหนดพิจารณาหน่อยหนึ่งได้ความว่า

"นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา"
ที่มา : https://palungjit.org

.

ป้ายกำกับ