แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วันออกพรรษา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วันออกพรรษา แสดงบทความทั้งหมด

วันออกพรรษา

วันออกพรรษา



วันออกพรรษา   หรือ   วันปวารณาออกพรรษา 
เป็น วันสำคัญ ทาง พุทธศาสนา วันหนึ่งในประเทศไทย
เนื่องจากเป็นวันสิ้นสุด ระยะเวลาจำพรรษา ๓ เดือน ของพระสงฆ์ เถรวาท 

คำปวารณาออกพรรษา

สังฆัมภันเต ปะวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา 
วะทันตุ มัง อายัส๎มันโต อะนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปะฏิกกะริสสามิ ฯ

ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง ปะวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา 
วะทันตุ มัง อายัส๎มันโต อะนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปะฏิกกะริสสามิ ฯ

ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง ปะวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา 
วะทันตุ มัง อายัส๎มันโต อะนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปะฏิกกะริสสามิ ฯ

โดยเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำ สังฆกรรม ปวารณา ออกพรรษาในวันนี้
วันออกพรรษาตามปกติ (ออกปุริมพรรษา ๑ ) จะตรงกับ
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ( ประมาณ เดือนตุลาคม)
หลังวันเข้าพรรษา ๓ เดือน ตาม ปฏิทินจันทรคติไทย

การออกพรรษานั้น ถือเป็นข้อปฏิบัติตาม พระวินัย
สำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ เรียกว่า " ปวารณา"
  จัดเป็นญัตติกรรมวาจา สังฆกรรม ประเภทหนึ่ง
ที่ถูกกำหนดโดย พระวินัยบัญญัติ ให้โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษา
อยู่ร่วมกันตลอดไตรมาสสามารถว่ากล่าวตักเตือน

และชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค
ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อสามารถให้พระสงฆ์
ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและสามารถนำข้อบกพร่อง
ไปแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น


ภาพวาด พระพุทธเจ้า
เมื่อถึงวันออกพรรษา พุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์
ที่ตั้งใจจำพรรษาและตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบไตรมาสพรรษากาลในวันนี้
และวันถัดจากวันออกพรรษา ๑ วัน (แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ )

พุทธศาสนิกชนในประเทศไทยยังนิยมไปทำบุญตักบาตรครั้งใหญ่ เรียกว่า   ตักบาตรเทโว 
หรือ ตักบาตรเทโวโรหณะ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติที่กล่าวว่า
ในวันถัดวันออกพรรษาหนึ่งวัน   พระพุทธเจ้า ได้เสด็จลงจากเทวโลกกลับจากการโปรดพระพุทธมารดา
บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในพรรษาที่ ๗ เพื่อลงมายัง เมืองสังกัสสนคร พร้อมกับทรงแสดงโลกวิวรณ
ปาฏิหาริย์เปิดโลกทั้งสามด้วย

นอกจากนี้ ช่วงเวลาออกพรรษาตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ถึง วันขึ้น ๑๕ ค่ำ
เดือน ๑๒ ถือเป็นเวลา กฐิน กาลตามพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นช่วงเวลาที่พุทธศาสนิกชนชาวไทย
จะเข้าร่วมบำเพ็ญกุศลเนื่องใน งานกฐินประจำปี ในวัดต่าง ๆ ด้วย โดยถือว่าเป็นงานบำเพ็ญกุศล
ที่ได้บุญกุศลมากงานหนึ่ง

ความสำคัญ
วันออกพรรษา คือ วันที่สิ้นสุดระยะการจำพรรษาเป็นเวลา ๓ เดือน (นับแต่ วันเข้าพรรษา)
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า " วันมหาปวารณา" คำว่า "ปวารณา" แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้"
ในวันออกพรรษานี้พระสงฆ์จะประกอบพิธีทำ สังฆกรรม ใหญ่ เรียกว่า   มหาปวารณา

เป็นการเปิดโอกาสให้ภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เพราะในระหว่างเข้าพรรษา
พระสงฆ์บางรูปอาจมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข การให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนได้
ทำให้ได้รู้ข้อบกพร่องของตน และยังเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยซึ่งกันและกันด้วย

ประเพณีเนื่องด้วยการออกพรรษาในประเทศไทย
ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ
เทโวโรหนสถูป   เมืองสังกัสสะ แคว้นปัญจาละ   สถานที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสถานที่พระพุทธเจ้า
เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ปัจจุบันมีเทวาลัยของฮินดูตั้งอยู่ด้านบนสถูป

เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงสู่โลกหลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาอยู่ในดาวดึงส์พิภพถ้วนไตรมาส
และการตรัสอภิธรรมเทศนาโปรดพระมารดาในเทวโลกนั้นมาตลอดเวลา ๓ เดือน

พออออกพรรษาแล้วก็เสด็จมายังโลกมนุษย์โดยเสด็จมาทางบันไดสวรรค์ที่ประตูเมืองสังกัสนคร
อันตั้งอยู่เหนือกรุงสาวัตถี วันที่เสด็จลงจากเทวโลกนั้นเรียกกันว่า “ วันเทโวโรหณะ “
ตรงกับวันมหาปวารณาเพ็ญเดือน ๑๑ วันนั้นถือกันว่าเป็นวันบุญกุศล

ที่สำคัญวันหนึ่งของพุทธบริษัท โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ” วันพระเจ้าเปิดโลก ”
รุ่งขึ้นจากวันนั้นเป็นวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ จึงมีการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ กันเป็นการใหญ่

เพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จลงจากเทวโลกของพระพุทธเจ้าโดยพุทธบริษัทได้พร้อมใจกัน
ใส่บาตรแด่พระสงฆ์ที่อยู่ทั้งหมดในที่นั้นกับทั้งพระพุทธองค์ด้วยโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
ภัตตาหารที่ถวายในวันนั้นส่วนใหญ่เป็นเสบียงกรัง ของตนตามมีตามได้ปรากฏได้มีการใส่บาตร
ในวันนั้นแออัดมาก ผู้คนเข้าไม่ถึงพระสงฆ์จึงเอาข้าวสาลีของตนห่อบ้าง ทำเป็นปั้นๆบ้าง
แล้วโยนเข้าถวายพระนี่เองจึงเป็นเหตุหนึ่งที่นิยมทำข้าวต้มลูกโยนเป็นส่วนสำคัญ
ของการตักบาตรเทโวโรหณะเป็นประเพณีว่าถึงวันแรม๑ค่ำเดือน๑๑ทุกๆปีควร ทำบุญตักบาตร
ให้เหมือนครั้งดั้งเดิมเรียกว่า   ตักบาตรเทโวโรหณะ   จนทุกวันนี้

ประเพณีเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก
การเทศน์มหาชาตเทศน์มหาชาติ คือ เทศนาเวสสันดรชาดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่โบราณ
ส่วนมากจัดให้มีในวัดเป็นหน้าที่ของชาวบ้านและวัดนั้น ๆ จะตกลงร่วมกันจัด ปกตินิยมให้มีหลังฤดูทอดกฐิน
ผ่านไปแล้วจนตลอดฤดูเหมันต์ นิยมจัดเป็นงานสองวัน คือ วันเทศน์เวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์วันหนึ่ง
และวันเทศน์จตุราริยสัจจกถา ท้ายเวสสันดรชาดกอีกวันหนึ่ง
วันแรกเริ่มงานด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระทั้งวัด หรือเลี้ยงพระตามจำนวนที่เห็นสมควร
แล้วเริ่มเทศน์เวสสันดรชาดก ตามแบบเทศน์ต่อกันไปจนสุด ๑๓ กัณฑ์ ถึงเวลากลางคืน
บางแห่งจัดปีพาทย์ประโคมระหว่างกัณฑ์หนึ่ง ๆ ตลอดทั้ง ๑๓ กัณฑ์ด้วย

ประเพณีถวายผ้ากฐินทาน 
เป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนอย่างหนึ่ง นิยมทำกันตั้งแต่วันแรมค่ำเดือนสิบเอ็ด
ไปจนถึงกลางเดือนสิบสอง คำว่า   กฐิน   แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำหรับขึงผ้าให้ตึง
สะดวกแก่การเย็บ ในสมัยโบราณเย็บผ้าต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึงเสียก่อน

แล้วจึงเย็บเพราะช่างยังไม่มีความชำนาญเหมื่อนสมัยปัจจุบันนี้ และเครื่องมือในการเย็บก็ยังไม่เพียงพอ
เหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน การทำจีวรในสมัยโบราณจะเป็นผ้ากฐินหรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน
ถ้าภิกษุทำเอง ก็จัดเป็นงานเอิกเกริกทีเดียว เช่นตำนานกล่าวไว้ว่า การเย็บจีวรนั้น

พระเถรานุเถระต่างมาช่วยกัน เป็นต้นว่า พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ
แม้สมเด็จพระบรมศาสดาก็เสด็จลงมาช่วย ภิกษุสามเณรอื่น ๆ ก็ช่วยขวนขวายในการเย็บจีวร
อุบาสกอุบาสิกาก็จัดหาน้ำดื่มเป็นต้น มาถวายพระภิกษุสงฆ์ มีองค์พระสัมมาสัมพุทธะเป็นประธาน
โดยนัยนี้ การเย็บจีวรแม้โดยธรรมดา ก็เป็นการต้องช่วยกันทำหลายผู้หลายองค์
(ไม่เหมือนในปัจจุบัน ซึ่งมีจีวรสำเร็จรูปแล้ว)

การประกอบพิธีทางศาสนาในวันออกพรรษาในประเทศไทย
พุทธศาสนิกชนถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเข้าวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลแก่พระสงฆ์ที่ตั้งใจจำพรรษา
และตั้งใจปฏิบัติธรรมมาตลอดจนครบไตรมาสพรรษากาลในวันนี้ นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนยังนิยมร่วมกันทอด กฐิน 
ในระยะเวลา ๑ เดือนหลังออกพรรษา มีทั้ง   จุลกฐิน   และ   มหากฐิน   อย่างไรก็ดี ในแต่ละท้องถิ่นยังมีประเพณีอื่นๆ
ที่น่าสนใจ เช่น การแข่งเรือ การ เทศน์มหาชาติ   เป็นต้น

ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร
จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟัง พระธรรมเทศนา   ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ
ข้าวต้มมัดไต้ และ ข้าวต้มลูกโยน   และการร่วมกุศล " ตักบาตรเทโว" ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑

ในหมู่ชาวไทยและชาวลาวริมฝั่งแม่น้ำโขง เชื่อว่าในช่วงวันออกพรรษา
จะเกิดปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค ขึ้นในเวลากลางคืน ที่ จังหวัดหนองคาย อีกด้วย

กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา
๑.ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
๒.ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา
๓.ร่วมกิจกรรม "ตักบาตรเทโว" (วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ )
๔.ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
และสถานที่ราชการและประดับธงชาติ และธงธรรมจักร ตามวัดและสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
๕.ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มีนิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษา เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป

เชิงอรรถ
หมายเหตุ ๑:   ออกปุริมพรรษา คือการออกพรรษาต้น
เป็นการเข้าและออกพรรษาตามปกติตามพระวินัยพุทธานุญาต
พระสงฆ์ที่ออกพรรษาต้นจะได้รับกรานกฐินและได้รับอานิสงส์กฐิน
แต่สำหรับพระสงฆ์ที่ออกพรรษาในกรณียกเว้นคือ ออกปัจฉิมพรรษา จ
ะไม่มีโอกาสได้รับกฐินและอานิสงส์กฐิน เพราะจำพรรษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙
จึงต้องจำครบ ๓ เดือน และต้องออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ เป็นเวลาหมดกฐินกาลพอดี
(วันรับกฐินได้จะนับวันวันถัดจากวันออกพรรษาแล้ว ๑ วัน)

ขอบคุณข้อมูลจาก :  dhammathai.org, วิกิพีเดีย , watpamahachai.net

ป้ายกำกับ